ล้างสารพิษ เคมีในร่างกาย ด้วยวิธีการที่เห็นผล

ในชีวิตประจำวัน เราต้องเผชิญกับสารเคมีและมลพิษจากอาหารแปรรูป ยา ควันพิษ โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ดูแลผิวบางชนิด ซึ่งเมื่อสะสมในร่างกายเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดภาวะ “พิษเรื้อรัง” ที่ส่งผลกระทบต่อระบบตับ ไต ภูมิคุ้มกัน และฮอร์โมน การล้างสารพิษจึงเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ร่างกายฟื้นสมดุล เสริมการทำงานของอวัยวะสำคัญ และลดความเสี่ยงโรคในระยะยาว

โดยวิธีการล้างสารเคมีออกจากร่างกาย มีคร่าวๆ ดังนี้:

  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  2. รับประทานผักผลไม้ที่ช่วยในการขับสารพิษ
  3. งดอาหารแปรรูป น้ำตาล แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
  4. นอนหลับให้เพียงพอ
  5. ออกกำลังกายเพื่อขับเหงื่อ
  6. ทำ IV Drip Chelation

โดยในบทความนี้ เราจะมาดูรายละเอียดของแต่ละวิธีกัน รวมไปถึงสูตรช่วย detox ที่สามารถทำกันเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

อาการ

หากคุณรู้สึกมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายคุณมีสารพิษจำนวนมากสะสมอยู่:

  • อ่อนเพลียง่าย ไม่สดชื่น
  • ปวดศีรษะเรื้อรัง
  • ผิวพรรณหมองคล้ำ เป็นสิวง่าย
  • นอนหลับไม่สนิท หลับยาก
  • ระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ
  • ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ป่วยง่าย
  • สมาธิสั้น หรือรู้สึกเบลอ
  • กลิ่นตัวและกลิ่นปากแรงผิดปกติ

วิธีการ

โดยปกติแล้วการล้างสารตกค้างที่อันตรายต่างๆ ออกจากร่างกายนั้นจะเป็นหน้าที่ของดับและไต แต่เมื่อร่าวกายมีการสะสมสารเคมีต่างๆ เหล่านี้มากเกินไป เราก็ควรที่จะช่วยร่างกายในการดีทอกซ์เพื่อให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยมีวิธีการต่างๆ ดังนี้:

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 2-3 ลิตรต่อวัน ช่วยให้ไตทำงานได้ดีและขับของเสียทางปัสสาวะได้มากขึ้น ซึ่งสามารถสามารถเติม “น้ำมะนาว” หรือ “น้ำแช่แตงกวา+ใบสะระแหน่” เพื่อช่วยกระตุ้นระบบย่อยและขับสารพิษเพิ่มขึ้นได้

2. รับประทานผักผลไม้ที่ช่วยในการขับสารพิษ

เช่น บีทรูท ขิง ผักใบเขียว ขมิ้นชัน เลมอน และอะโวคาโด รวมไปถึงผักที่มีคลอโรฟิลล์สูง เช่น ผักโขม ปวยเล้ง ช่วยกระตุ้นการขจัดโลหะหนักจากร่างกาย

3. งดอาหารแปรรูป น้ำตาล แอลกอฮอล์ และคาเฟอีน

เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้ตับทำงานหนักและลดความสามารถในการขจัดของเสียของตับ

4. นอนหลับให้เพียงพอ

ช่วงเวลาการนอนหลับ โดยเฉพาะช่วงหลับลึกหรือ Deep Sleep เป็นเวลาที่ร่างกายทำความสะอาดตัวเองจากสารเคมีและสารพิษต่างๆ ออกได้ดีที่สุด ดังนั้นแล้วควรที่จะพักผ่อนให้ได้อย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมในการฟื้นฟูร่างกาย

5. ออกกำลังกายเพื่อขับเหงื่อ

การออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นคาร์ดิโอหรือการยกน้ำหนักอย่างน้อยวันละ 30–45 นาที ช่วยกระตุ้นระบบน้ำเหลืองและกำจัดสารพิษทางผิวหนังผ่านเหงื่อ

3 สูตรเครื่องดื่มทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน

1. สูตรน้ำดีท็อกซ์ตับ

ช่วยกระตุ้นตับ ขับสารพิษจากระบบทางเดินอาหาร และเสริมภูมิคุ้มกัน

วัตถุดิบ:

  • มะนาว 1 ลูก
  • ขิงสด 1 แง่งเล็ก
  • น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
  • น้ำอุ่น 300 ml

วิธีทำ: คั้นน้ำมะนาว ผสมกับขิงขูดละเอียดและน้ำผึ้ง คนให้เข้ากันแล้วดื่มตอนเช้าขณะท้องว่าง

2. สูตรสมูทตี้ล้างลำไส้

เพิ่มไฟเบอร์ ช่วยขับถ่าย ลดการสะสมของเสียในลำไส้

วัตถุดิบ:

  • กล้วยหอม 1 ลูก
  • แกนสับปะรด ½ ถ้วย
  • โยเกิร์ตรสธรรมชาติ ½ ถ้วย
  • เมล็ดแฟลกซ์ 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 ถ้วย

วิธีทำ: ปั่นรวมกันจนเนียน ดื่มแทนมื้อเช้าหรือมื้อเย็น

3. สูตรน้ำคลอโรฟิลล์ธรรมชาติ

ช่วยขับโลหะหนักออกจากเลือด เสริมพลังให้ตับ

วัตถุดิบ:

  • ผักโขม 1 ถ้วย
  • ผักคะน้า ½ ถ้วย
  • แอปเปิ้ลเขียว 1 ลูก
  • มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 แก้ว

วิธีทำ: ปั่นผักและผลไม้ทั้งหมดแล้วกรองดื่ม

การทำ IV Drip

ในกรณีที่ต้องการล้างสารพิษ โลหะหนัก หรือมลภาวะจำนวนมากออกจากร่างกาย การทำ IV Drip Chelation หรือ ให้วิตามินเข้าทางเส้นเลือด ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้ผลเร็ว ปลอดภัย และเป็นที่นิยมทำกันมากในปัจจุบัน

ข้อดีของวิธีนี้

  • เห็นผลเร็วกว่า ดูดซึมเข้าร่างกายได้อย่างมีประสิธิถาพ เนื่องจากไม่ต้องผ่านกระบวนการย่อยในระบบทางเดินอาหาร
  • ฟื้นฟูเซลล์และระบบภูมิคุ้มกันแบบครอบคลุม
  • ขจัดโลหะหนักสะสมในร่างกายได้มากกว่าวิธีธรรมชาติ

ขั้นตอน

  1. การประเมินสุขภาพ: แพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อเลือกสูตรวิตามินที่เหมาะสม
  2. การเตรียมสารอาหาร: วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ จะถูกผสมในน้ำเกลือให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล
  3. การให้สารอาหารทางสายน้ำเกลือ: ใช้เวลาในการดริปประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณของสารอาหาร
  4. การติดตามผลหลังการรักษา: แพทย์อาจให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพหลังรับบริการ

ความถี่ในการทำ

เริ่มต้นแนะนำ สัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปริมาณสารพิษในร่างกาย และควรทำต่อเนื่อง 6–10 ครั้ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ผลข้างเคียงที่อาจพบในบางกรณี

  • อ่อนเพลียในช่วงแรกหลังทำ
  • ปัสสาวะมีกลิ่นหรือสีเข้ม
  • ผู้ที่มีภาวะไตหรือลดความดัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับบริการ

ราคา

ราคาการทำ IV Drip Chelation ควบคู่กับ EDTA นั้นเฉลี่ยอยู่ที่ 3,000 – 5,500 บาทต่อครั้ง โดยจะแตกต่างกันไปตามส่วนประกอบของ IV Drip และสูตรที่ใช้

ติดต่อ The Wellness Thonglor

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ Vitamin IV Drip ติดต่อเราวันนี้ โทร 0661642492 ADD LINE หรือทำการนัดผู้เชี่ยวชาญของเราเพิ่อขอข้อมูลเพิ่มเติม

Similar Posts